ลองนึกภาพระบบเครือข่ายปัจจุบันในองค์กร มีมี PC และ Mobile Devices มากมายเชื่อมต่ออยู่ และยังมีการเชื่อมต่อไปยังและมาจากเครือข่ายภายนอก เช่น Internet เป็นต้น เราแทบไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าในแต่ละวินาที เกิดอะไรขึ้นบ้าง และ ระบบเครือข่ายของเรายังปลอดภัยอยู่หรือไม่ หากเทียบกับเมื่อก่อน เราอาจจะแค่มี อุปกรณ์ที่สามารถ Monitor Traffic หรือแสดง Alert ต่างๆ และทาง Admin ก็จะอ่านค่า Log หรือ Alert ต่างๆ แล้ว ก็ Config อุปกรณ์ให้รับกับ Traffic หรือ Alert ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ในปัจจุบัน อัตราการเติบโตของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายมากขึ้นแบบ Exponential ดังนั้น การที่เราจะมา Monitor แล้ว ปรับ Configuration ของอุปกรณ์ นั้นไม่สามารถจะรองรับได้ทัน หรือหากทันก็จะต้องมีทีมงาน Admin จำนวนมาก
Intent-Based Networking จึงมีความจำเป็นในการเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว Intent-Based Networking ประกอบด้วยขั้นตอน 3 ขั้นตอนคือ
Translation – คือการแปลของ log หรือ Event ต่างๆ ที่เกิดในระบบเครือข่าย ออกมาเป็น Network หรือ Security Policy
Activation – คือการตรวจสอบ และ ทำการ Configuration อุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
Assurance - คือการ ตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับ นโยบายที่เรากำหนดไว้
เบื้องหลังของระบบ Intent-Based Networking คือ ระบบ AI (Artificial Intelligent) ที่นำเอาข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ รองรับ IBN (Intent-Based Networking) มาวิเคราะห์เพื่อแบ่งแยก ว่าจะต้องตอบสนอง (Configuration) อย่างไร เช่น จัด Segmentation, Block, Bypass, Forward เป็นต้น โดยจะต้องอยู่บนยโยบายที่องค์กรกำหนดไว้ และยังมีการเก็บสถิติ การ Validation ว่า การปรับเปลี่ยนนั้นๆ ส่งผลกระทบอย่างไรกับระบบบ้าง สำหรับการส่งมอบบนเครือข่ายที่ "เหมาะที่สุด" โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบประสิทธิภาพ / การแก้ไขปัญหาและการตรวจจับ / ตอบสนองต่อภัยคุกคาม AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายจำนวนมหาศาลตั้งแต่การส่งข้อมูลทางไกลไปจนถึงรูปแบบการรับส่งข้อมูลและทำความเข้าใจความผิดปกติตลอดจนการกำหนดค่าเครือข่ายที่เหมาะสมและแจ้งเตือนไอทีเกี่ยวกับความผิดปกติที่ตรวจพบสาเหตุต้นตอที่เกี่ยวข้องและการแก้ไขที่แนะนำส่งผลให้ประหยัดเวลาในการแก้ไขปัญหาและเครือข่ายที่ดีขึ้น ความน่าเชื่อถือ
ซึ่ง Intent-Based Networking จะเป็นการปฏิวัติการจัดการระบบเครือข่ายในยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ดังนั้นในยุค 6G , Cloud Base องค์กรต่างๆจึงต้องสนใจในเทคโนโลยี่นี้หรือจะลองศึกษาระบบที่พอจะตอบสนองหรือรองรับรูปแบบการทำงานขององค์กรนั่นก็คือ Windows S Mode ที่จะเข้ามาช่วยเหลือแรงเราให้ผ่อนได้มากยิ่งขึ้นกับจำนวนเครื่องคอมจำนวนมาก
บริการรับออกแบบและวางระบบเครือข่าย
สำหรับองค์กร สำนักงาน บริษัท
และการบริการหลังการขาย
โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Techknowledge Consulting ที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 15 ปี
โทร 02-513-9415-6
Comments